วันจันทร์ที่ ๑๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

อย่าเรียนแบบ 12inch ตอนที่ ๓


เข้ารั้วมหาลัย

วิชาประวัติศาสตร์ สอนเราอยู่อย่างหนึ่ง สิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต มักเกิดขึ้นซ้ำเสมอ ขึ้นอยู่กับว่า เมื่อไหร่เท่านั้นเอง

การเรียนในมหาลัยทุกอย่างดูสวยงามในสายตาของน้องใหม่เสมอ “น้อง อาจารย์ใหม่ใจดี“ ขอจำประโยคนี้ไปจนวันตาย

ปี 1 เทอม1 วิชารัฐศาสตร์ Gov 101 อาจารย์สาวสวย จบใหม่มาจากอังกฤษ ครับและในเทอมนั้นนั่นเองครับ F ตัวแรกในรั้วมหาลัย

เทอมแรกเริ่มต้นกันด้วยเกรด 1.75 ปลายอุโมงค์ที่แล้ว กลายเป็นจุดเริ่มต้นของอุโมงค์ใหม่ สำหรับนักศึกษาท้ายห้องอย่างพวกผม เมื่อเราอยู่ก้นเหว มีทางเดียวเท่านั้น คือทางขึ้น มันไม่มีต่ำกว่าก้นเหวแล้ว เรียนกันร่อแร่ครับ วิชานอกคณะ เกือบทุกตัว ต่ำกว่า B ทั้งสิ้น มีแต่วิชาในภาควิชาเท่านั้นที่ ได้เกรดดีหน่อย

เรียนกันแบบนี้แย่แน่ครับ เทคนิคในการเรียนต่างๆก็เลยถาโถมเข้ามา

1. Sec. ไหนปล่อยผี :วิชาที่เรียนรวมกันหลายคณะ มันจะมีหลายห้องครับ เราเรียกว่า Sec. เราก็ไปดูว่ารุ่นพี่ที่ F เทอมที่แล้ว เทอมนี้ไปลง Sec. ไหน Sec.นั้นจะเป็น Sec. ที่เด็กปึกมารวมกันโดยมิได้นัดหมาย อาจารย์จะใจดี และถ้าเราไม่ปึกที่สุด เราจะเกรดค่อนข้างดี เพราะตัดเกรดใน Sec.

2. หาวิชาที่เด็กวิศวะมันไปเรียนกัน :ใครว่าเด็กวิศวะฉลาด มันก็โชคดีที่เอ็นติดเหมือนเรานั่นแหละ ทุกๆปีจะมีเด็กวิศวะเป็นร้อย มาลงวิชาคณะมนุษย์ แน่นอนครับ เค้ามาเพื่อเอาเกรดเพียงอย่าเดียวเท่านั้น วิชาพวกนี้ก็เช่น วิชาออกแบบเบื้องต้น,จัดดอกไม้,วางแผนครอบครัว,ปรัชญากรีก,ปรัชญาจีน, Camping. และอื่นๆ

3. ห้ามลง Sec. 8โมงเช้า :ใครๆก็ตั้งใจว่าเทอมนี้จะขยันขึ้น ถามจริงเถอะ ทำได้กี่วัน โดยเฉพาะหน้าหนาวที่เชียงให่ ใครลุกก็บ้าแล้ว เลือก Sec. ที่เรียนสายหน่อย หรือถ้าไม่มีเรียนเทอมหน้า(Summer) ก็ยังไม่สาย

4. วิชาที่ทำรายงานเยอะ คือวิชาที่ดีที่สุด : ตอนเรียนมัธยม ใครๆ ก็ขี้เกียจทำรายงาน แต่พอถึงมหาลัยจึงเข้าใจสัจธรรม ขอให้สั่งเถอะครับเท่าไหร่ก็ทำ คะแนนเก็บมีค่ากว่าทอง

5. เข้าเรียนทุกครั้ง และนั่งหน้า : อาจารย์ทุกท่านใจดี และพร้อมจะเมตตาเราเสมอ คิดดูครับ ทุกครั้งที่เข้ามาสอนจะเห็นเรานั่งเรียนอยู่ทุกครั้ง จะเข้าสายหน่อยก็ได้ ให้ท่านจำหน้าได้เถอะครับ เวลาท่านจะตัดเกรด อย่างน้อยท่านก็ต้องเอะใจว่าเรามาเรียนทุกครั้ง ลองเปรียบเทียบดูครับ คะแนนต่ำ แต่มาเรียนทุกครั้ง(ตั้งใจด้วยเพราะนั่งหน้า) กับพวกคะแนนต่ำและไม่มาเรียน(หรือมาแต่อาจารย์ไม่เห็นหรือจำไม่ได้) 555

6. อย่าไปลงเรียนคนเดียว :บ่อยครั้งที่เราต้องไปเรียนต่างคณะ ถ้าเราไปเรียนโดยไม่รู้จักใคร ขาดเรียนสักครั้ง Lecture ก็ไม่มี อาจารย์สั่งงานก็ไม่รู้เรื่อง นัดสอบก็ไม่รู้ ทำรายงานก็ไม่มีกลุ่ม หนักที่สุด ตอนสอบไม่รู้จะไปยืม Lecture ใครมาถ่ายเอกสาร เพื่อนสำคัญจริงๆครับ

7. ลงเรียนในหมวดวิชาเดียวกัน :แน่นอนครับวิชาที่รายงานเยอะที่สุด คือวิชาที่ดีที่สุด แต่ลงอย่างนี้ทุกวิชาก็คงไม่ไหว งั้นจัดหมวดกันหน่อย วิชาหมวดสังคมเป็นหมวดที่จัดง่ายที่สุด เช่นเทอมนี้เรียน ประชากรศาสตร์, เครือญาติและการสืบเผ่าพันธุ์และ วิชาวางแผนครอบครัว เทอมหน้าเรียน สังคมวิทยาการเปลี่ยนแปลง ,มนุษย์กับโลกสมัยใหม่,สังคมวิทยากับการพัฒนา แล้วก็ทำรายงานชุดเดียว ส่ง 3วิชาครับ อย่างมากก็แก้ไขนิดหน่อย มากที่สุด ก็ ใช้หนังสืออ้างอิงร่วมกันได้ไม่ต้องอ่านหลายเล่มมาก

8. ไม่มีอัคติ อาจารย์ทุกท่านหวังดีกับเรา :ครับ ถ้าท่านบอกให้ไปทำอะไรไปทำครับ ได้ผลไม่ได้ผลทำไปก่อน ท่านจะปลื้มครับ

9. วิชา Major สำคัญที่สุด : ไม่สำคัญหรอกครับว่าคุณจะเรียนเก่งขนาดไหน ตราบใดวิชา Major คุณห่วย เพราะ สุดท้าย ปี๓ - ๔ วิชาที่ต้องเรียนก็มีแต่วิชา Major และความรู้มันจะสะสมกันได้

10. จอมยุทธย่อมมีท่าไม้ตาย : แน่นอนครับ สุดท้ายถ้าหมดหนทางต้องแสดงฝีมือออกมาเอง ก็ต้องมีท่าไม้ตายครับ ท่าไม้ตายไม่ต้องมีมากครับ แม่นๆท่าเดียวก็พอ (เพราะถ้ามีหลายท่าแสดงว่ามันไม่แม่น) นั่นก็คือ ต้องรู้จริงสักเรื่องครับ รู้แบบใครก็เถียงไม่ขึ้น อาจารย์อ่านข้อสอบเรายังต้องไปเปิดตำรา เพราะไม่แน่ใจ เพราะเราเจ๋งครับ
        ผมยังจำได้ มีหนังสืออยู่ ไม่กี่เล่มที่ผมใช้ 1. วัฒนธรรมข้าว โดยเอี่ยม ทองดี 2.The Trap by James Goldsmith 3. ท่าเกวียน ศ.ดร. ยศ สันตสมบัติ แล้วก็ประโยคเด็ด เช่น เงินทองเป็นของมายา ข้าวปลาสิของจริง ของ ม.จ.สิทธิพร กฤษฎากร

และข้อสุดท้าย มีเพื่อนครับ

อย่าเรียนแบบ 12inch ตอนที่ ๒


สอบสัมภาษณ์

อย่างไม่ทันได้เตรียมตัว ก็กลายมาเป็นนักศึกษาแล้ว

สิ่งแรกที่จำได้ในรั้วมหาลัยคือ การสอบสัมภาษณ์ อาจารย์ที่สอบสัมภาษณ์ เปรี้ยวมาก เป็นอาจารย์ผู้หญิง

จำได้แทบทุกคำถาม

ถาม: คุณสูบบุหรี่มั้ย
ตอบ: ไม่ครับ
ถาม: เคยลองมั้ย
ตอบ: ไม่ครับ
ถาม: เพื่อนคุณสูบรึเปล่า
ตอบ: มีครับ
ถาม: คุณไม่คิดลองเหรอ
ตอบ: ไม่ครับ
ถาม: มีใครในโรงเรียนคุณใช้ยาเสพย์ติดรึเปล่า
ตอบ: ไม่ทราบครับ
ถาม: คุณเคยลองมั้ย
ตอบ: ไม่ครับ
ถาม: โรงเรียนคุณนี่ดีนะ

จบ......คำถามแรก

ถาม: คุณสับสนทางเพศรึเปล่า
ตอบ: ไม่ทราบครับ
ถาม: ทำไมคุณไม่ทราบล่ะ
ตอบ: ผมคิดว่า มันขึ้นอยู่ที่ว่าคนอื่นมองเรายังไง
ถาม: คุณเหมาะที่จะเรียนที่นี่แล้ว
ตอบ: O_o

จบ.....คำถามที่สอง

ถาม: คุณจะใส่เครื่องแบบมาเรียนรึเปล่า
ตอบ: ใส่ครับ
ถาม: แต่คนอื่นเค้าไม่ใส่นะ
ตอบ: ก็คงไม่ใสมั้งครับ
ถาม: แต่มหาลัยมี กฏให้ใส่นะ
ตอบ: .......
ถาม: ขอบใจมาก

จบ....คำถามข้อที่ 3

หลังจากได้เข้าไปเรียนจึงทราบว่า อาจารย์ท่านนี้สอน วิชา อาชญาวิทยา และ เป็นคนไทยคนเดียวที่มีเครื่องจับเท็จไว้ในครอบครอง อีกเครื่องอยู่ที่กองปราบ และแกก็เป็นอาจารย์สอนที่นั่น จะมีใครสอบสัมภาษณ์ได้ดีกว่านี้อีก *_*

อย่าเรียนแบบ 12inch ตอนที่ ๑


เมื่อมีโอกาสกลับไปโรงเรียนเก่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมมักจะเล่าให้น้องๆที่กำลังจะสอบ Entranceฝังเสมอ

อาจารย์จะแนะนำเราให้รุ่นน้องฟังว่า “พี่หนุ่มเป็นรุ่นพี่ จบรุ่น 2 โรงเรียนบดินทร์ 3 ”

ที่เหลือ ก็หน้าที่เรา

        เริ่มต้นที่ ม.๑ ไปสอบที่ โรงเรียน บ.ด.๑ ด้วยความที่เราไม่ค่อยรู้เรื่อง แน่นอนครับสอบไม่ติด เอาว่า ก ถึง ฮ ยังท่องไม่ได้เลย(ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้) ก็เลย ต้องไปเรียนที่โรงเรียนใกล้ๆกัน เรียนอยู่ ๗ วัน เส้นใหญ่ ^_^ ครับ ก็ได้ย้ายกลับมาเรียนที่ บ.ด.๑ (ณ เวลานั้น โรงเรียน บ.ด.๓ ยังสร้างไม่เสร็จ ต้องเรียนรวมกันก่อน) เข้าไปเรียนวันแรก อยู่ห้อง king ครับ เรียนไปได้เทอมเดียว ถูกย้ายไปอยู่ห้องบ้วย ด้วยความปึก นี่แหละครับชีวิตจริงเด็กเส้น 555 ม.ต้น ก็เรียนเหมือนเด็กทั่วไปครับ เรียนไปวันๆ เกรด ๑.๗๓ มั้ง ถ้าจำไม่ผิด จะขึ้นม.ปลาย เกรดเฉลี่ยไม่ถึง ๒ ได้ไปอ้อนวอนอาจารย์ ให้เซ็นรับรองความประพฤติ ถึงได้เรียนต่อ แน่นอนครับเกรดยังไปไม่ถึงไหน อนาคตช่างมืดมน ดูแล้วยังไงก็เอ็นท์ไม่ติด ตอนเรียน ม.๔ ก็ได้ไปสอบเทียบ เป็นค่านิยมตอนนั้นใครๆก็ไปเรียน ก.ศ.น. ไปเรียนบ้างครับ เอาเป็นว่าไปเรียนก็ได้ไปเจอเพื่อนๆแล้วกัน

        ตั้งต้นใหม่ เอ็นท์มันปีนี้แหละ(ตอนอยู่ ม.๕) เรียนต่อไปก็ไม่ได้ฉลาดขึ้นหรอกเกรดตอนนั้นก็ 1.97 (เป็นปีแรกที่เค้าจะเอาคะแนนสะสมตอน ม.ปลาย มารวมกับคะแนน Ent.) ก็เลยตั้งใจอ่านหนังสือไปสอบ ก.ศ.น. ครับ ตั้งใจแล้ว ก็เลยไปเรียนพิเศษครับ จำได้เลย เรียน คณิตศาสตร์ กข เรียนมันอยู่วิชาเดียว วิชาอื่นอ่านเอง เป็น ๖ เดือนที่ ทรมาณมาก มีแต่คนบอก ไอ้หนุ่มมันเอ็นท์ติด กูก็ติด พ่อก็ถามอยู่นั่นแหละ ไปเรียนราชภัฐมั้ย (ถามตั้งแต่ยังไม่จบ ม.ปลาย) เอาเถอะว่ากันเข้าไป *_* จนผลสอบเทียบตัวสุดท้ายออก ผลคือ ได้เกรด 1 ทุกตัวเป็นแถวทหารเลยครับ ^_^ จบ. ม.ปลาย มีเวลาอ่านหนังสือก่อนสอบประมาณ เดือนกว่าๆ อ่านเป็นบ้าเป็นหลังครับ อ่านจนบอกได้ว่า “ถ้าอ่านขนาดนี้ยังเอ็นทืไม่ติด คนอื่นมันก็ไม่ติดว่ะ”

วันสอบ ชีวิตนี้ทุกคนช่างมืดมน ในห้องสอบ หันไปทางซ้าย มันก็กุมขมับ หันไปทางขวา มันก็ทำหน้าอยากจะตาย คนข้างหน้า นอนหลับ ข้างหลังไม่ต้องดูก็รู้ว่าเหมือนกัน ตนเป็นที่พึงแห่งตนครับงานนี้

“งานนี้ต้องติด” คิดไว้ในใจ

พอถึงวันประกาศผลสอบ เดินเล่นอยู่ที่สยามครับ เค้าเอาผลสอบมาติดที่ สยามดิส

ติดโว้ย ยังเก็บเลขที่นั่งสอบไว้อยู่เลยครับ ^_^

อันดับ 2 สังคมวิทยามานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ชีวิตเริ่มต้นใหม่ เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมง ^^

ผลสอบ ม.๕ ไม่ต้องดูแล้ว ไม่ต้องเรียนมันแล้ว ยังมีคนมีหน้ามาถาม ไม่ลองเอ็นท์ปีหน้าดูล่ะ เฮ้ยบ้าป่าว ปาฏิหารย์ไม่ได้เกิดซ้ำสอง ติดก็บุญแล้ว

กลับไปหาอาจารย์ที่โรงเรียน อาจารย์งงเต๊กครับ ทั้งห้องติดอยู่ 2 คน ทั้งรุ่นไม่ถึง 10 คน ทำไมมีชื่อไอ้หนุ่มว่ะ

จบภาคแรก ชีวิต ม.ปลาย อันแสนปึก

วันอาทิตย์ที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐

Blog Tag การบ้านจากพี่ Mike Freemac dot NET


นี่นับเป็นการบ้านชิ้นแรกทีเดียว นับจากเรียนจบมา
ขอบอกว่าผมไม่ถนัดเลยกับ เรื่อง Blog ถึงผมจะเล่นคอมพิวเตอร์มาหลายปีก็เถอะ อีกเรื่องก็คือ ความทักษะในการอธิบายสิ่งต่างๆให้คนอื่นเข้าใจของผมนั้น ถือว่าต่ำมาก

หลังจากโอ้เอ้อยู่หลายวันก็ได้เวลาเสียที ด้วยความที่ไม่ใช่คนขยันเราก็จะเริ่มแบบไปเรื่อยๆแล้วกัน

เริ่มด้วยการหาสมุด ปากกาและดินสอ

รอบที่ 1 จะเขียนเรื่องอะไรก็ตามสิ่งที่เราต้องการก็คือเครื่องมือ ผมเป็นคนหนึ่งซึ่งเรื่องมากมาก กว่าจะทำอะไรได้แต่ละอย่าง จากปีที่แล้วได้ลองทำ Blog ใน Myspace และจบในเวลาอันรวดเร็ว เพราะพบว่า ผมไม่สามารถใช้งาน Myspace ใน Safari ได้เหมือนใน Internet Exploer แล้วเราก็ใช้ Mac ด้วยสิ ผมก็เลยต้องหาบ้านใหม่ ผ่านไปเป็นปี ผมก็ดูๆว่า ชาวบ้านชาวเมืองเค้าใช้อะไรกัน ผมก็พบ Blogspot กะว่าเอาล่ะได้เวลาเขียนสักที เขียนไปก็พบว่า มันไม่สะดวกเลยที่ต้อง เขียน Blog ผ่าน Browser ผมก็เลยลอง Macjouranal แล้วก็พบว่ามันใช้งานสะดวกดี จนกระทั่ง ผมพบว่ามันไม่สามารถ uploads รูปมากับบทความได้ ผมก็เลยเลิกตามประสาคนขี้เกียจ 555

จนกระทั่งได้รับ PM จากพี่ Mike พร้อมทำ Link มาที่ Blog แห่งนี้

รอบที่ 2 ได้เวลาเริ่มอีกรอบ แน่นอนหาสมุด ปากกาและดินสออีกเช่นเคย แต่คราวนี้แอบดูคนอื่นก่อนครับว่าเค้าทำกันยังไง จึงไปพบ Multiply ผมพบว่ามันสะดวกดีที่จะทำ Albums(ใน Blogspot ไม่มี) ในนั้นแต่ด้วยความที่มันดูยุ่งยากยังไงไม่รู้ผมก็เลยเลิกรา(บอกแล้วว่าเรื่องมาก) จนผมนึกขึ้นมาได้ .Mac ไง ผมก็พบว่ามีน้องอยู่คนนึงเอา .Mac มาขายพอดีถูกด้วย เราก็เข้าไป Post หวังให้เค้าตอบกลับว่าจะให้เราติดต่ออย่างไร รอตั้งแต่เช้าเค้าก็ส่งข้อความกลับมาว่าเค้าขายไปแล้ว แห้วกินเหมือนเดิม ไม่เป็นไร ลองอย่างอื่นก็ได้ นึกขึ้นมาได้อีกรอบ Geocities ไง ก็ทำใน iWeb แล้วก้ upload ไปวางงานนี้เล่นไม่ยาก สมัครครับแล้วก็พบว่าถ้าจะ uploads ขึ้น Geocities ได้ต้องจ่ายตัง กรรมจริง สุดท้ายกลับมาที่ Blogspot ครับ เขียนแห้งๆก็ได้ จนเห็นข่าวใน Blogspot ว่าสามารถ Links Picasa ให้มาแสดงผลใน Blogspot ได้ ใช้เวลาไม่นานปิ้งรูปขึ้นในฺ Blog งานนี้จึงได้เวลาเริ่มสักที

ดูรูปไปก่อนนะครับ ขอเวลาเขียนสักพัก รับรองว่าไม่นาน

ขอบคุณทุกท่านครับ

วันอาทิตย์ที่ ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐

OmniGraffle 4 เพราะบางอย่างไม่สามารถอธิบายได้ด้วยตัวอักษร

การอธิบายเป็นตัวอักษรบางทีมันก็มีข้อจำกัดในตัวมันเอง ในการนำเสนอข้อมูลในเวลาที่จำกัด ดูเหมือนว่ารูปภาพน่าจะทำหน้าที่ได้ดีที่สุด

โปรแกรมวาด ไดอะแกรมมีด้วยกันหลายตัว ถ้าใช้ Pc ผมคงต้องเลือก Visio แต่ถ้าใน Mac ผมขอเสนอ OmniGraffle ครับ

Omnigraffle 4 Powerful diagramming & charting for Mac OS X

ทดลองได้ที่นี่ครับ Download OmniGraffle 4

http://www.omnigroup.com/

วันพุธที่ ๒๔ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๐

OmniOutliner 3 เขียนความคิดให้เป็นตัวอักษร

สมัยที่ผมเป็นนักศึกษา เวลาจะส่งหัวข้อรายงาน อาจารย์ ต้องให้เขียน Outline ไปส่งก่อนอยู่เสมอ
หลายท่านอาจจะสงสัยว่า ไอ้ Outline หน้าตามันเป็นอย่างไร

Outline คือ โครงสร้างของรายงานที่เรากำลังจะทำ หัวข้อต่างๆ เนื้อหาในแต่ละหัวข้อในแต่ละบท คล้ายๆ หลายท่านที่เขียน Proposal เวลาจะทำงานวิจัยนั่นแหละครับ

แต่การเขียน outline แต่ละทีมันแสนจะยุ่งยาก เริ่มตั้งแต่ การวางโครงสร้าง เขียนกันแล้วเขียนกันอีก เขียนๆ ลบๆ อยู่อย่างนั้น เสียกระดาษไปเป็นปึก รวมทั้ง idea ต่างๆที่ไหลออกมาอยู่เรื่อยๆ ไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหน หัวข้อย่อยๆที่ต้องนำมาจัดหมวดหมู่ ให้อ่านแล้วเป็นเรื่องราวเดียวกันประติดประต่อ เชิงอรรถที่อ้างกันแล้วอ้างกันอีก ไม่รู้ตั้งกี่ที่ (นึกถึงตอนนั้นยังงงอยู่ว่าทำกันได้ยังไง)
อ่านถึงตอนนี้บางท่านก็คงนึกออกว่าหน้าตามันเป็นยังไง แล้วคงสงสัยว่า ก็ใช้ MS Word ทำสิ มันทำได้ครับ แต่นึกเอาเองแล้วกันว่า หัวข้อย่ายๆในงานวิจัยมันมีกี่เรื่อง แทป กันแล้ว แทปกันอีกให้งงว่าอันไหนมันเป็นหัวข้อย่อยที่เท่าไหร่ จัดหน้ากันอย่างสนุกสนาน จะหาเพื่อแก้แต่ละทีก็ยาก

จนตอนได้ซื้อ PowerBook มาตอนเรียน ป.โท นั่นแหละครับเห็นมี โปรแกรม Outliner แถมมา ก็ยังสงสัยอยู่ว่าโปรแกรมมันมีไว้ทำไม จนได้ ลองใช้ ถึงพบว่า โอ้สวรรค์มีจริง พร้อมกับนำ A มาให้ในวิชา Marketing










OmniOutliner 3Capture your ideas, organize your universe.

OmniOutliner 3 เป็น โปรแกรมที่ช่วยในการ เรียบเรียง จัดการ ข้อความ ข้อมูล ต่างๆ ในรูปแบบของการเขียน outline ช่วยประหยัดเวลาในการเรียบเรียงเนื้อหา และช่วยในการเรียบเรียงหัวข้อ ให้เป็นหมวดหมู่ การจัดรูปแบบข้อความตามลำดับชั้น สามารถกำหนดรูปแบบของหัวข้อหลัก หัวข้อย่อย ทำให้คุณมีเวลาเพิ่มสำหรับการคิดสร้างสรรค์ สิ่งต่างๆ รวมทั้งเครื่องมือที่จะช่วยให้คุณทำงานที่หลากหลายได้มากขึ้น เช่น multiple columns, smart checkboxes, customizable popup lists, and an über-innovative styles system ซึ่งจะทำให้งานของคุณนั้นเสร็จเร็วขึ้น

ทดลองใช้ได้ ครับ Download OmniOutliner 3

http://www.omnigroup.com/